บทที่ 4 เธอชื่ออะไร
ไม่รู้สาเหตุเป็นเพราะอะไร แต่เสียงทุ้มนั้นทำให้เจซีตกใจ เธอสะดุ้งพลางก้มหน้างุดลงอัตโนมัติ
“มากันแล้วหรือ เข้ามาสิ”
ไม่ทันได้เห็นหน้าท่าทางของคนที่พูด ทว่าฟังจากน้ำเสียงก็พอจะเดารู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร คนข้างในคงจะเป็นมาเฟียเต็มตัว ประหนึ่งราชสีห์ที่ถูกฝึกให้เป็นนักล่าจนกลายเป็นเจ้าป่าที่แข็งแกร่ง ไม่ต้องคอยเดินตามหลังผู้ใดและสามารถอยู่โดดเดี่ยวได้ด้วยตัวเอง
ทว่าถึงจะเก่งอย่างไร กระนั้นยังมีเรื่องหนึ่งที่ราชสีห์ทุกตัวพึงต้องมีและสำเหนียกไว้ คือการรักษากฎ มองพวกพ้องและสังคมเป็นสิ่งที่สำคัญ การพบปะเจอะเจอเข้าฝูงในแต่ละครั้งจะต้องไม่มีเรื่องนอกกรอบ หรือการบาดหมางจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องให้แก้ไข เพราะนั่นจะมีแต่โทษหนักหน่วงซึ่งจะต้องทรมานตราบนานเท่านาน หรือจนกว่าจะหลาบจำ
“คุณต้องเข้าไปคนเดียวนะครับ”
คนนำทางหันมาบอก นั่นยิ่งทำร่างบางที่เดินตามมาติดๆประหม่า เธอเริ่มยืนไม่อยู่ รู้สึกตัวขยับเขยื้อนเสมือนวิญญาณใกล้ออกจากร่าง ในท้องปั่นป่วนขึ้นมาดื้อๆ
“ละ แล้วคุณล่ะ”
ช้อนตาขึ้นไปถาม กลับถูกคนสูงกว่าสั่นหน้าคืนมา
“ในนั้นเป็นห้องพักส่วนตัวนาย ไม่ได้รับอนุญาตก็เข้าไม่ได้ครับ คุณเข้าไปคนเดียวดีกว่า นายคงมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”
“นายคุณน่ากลัวไหม?”
ก่อนจะเลิกคิ้วสูง และขมวดลงภายหลังก็ตอนหล่อนเอ่ยคำถาม เป็นประโยคที่ไม่ควรหลุดออกมาจากปากของคนที่เคยหลับนอนร่วมเตียงกันมาแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อคืนเพิ่งจะเห็นหมาดๆไม่ใช่หรือ แถมเหมือนจะเห็นมากมายกว่าเขา เพราะร่างบางตรงหน้าจะได้เห็นอีกมุมที่เขาไม่เคยเห็นด้วย
“หมายความว่าไง?”
เขาเอ่ยถาม จังหวะนั้นทำให้คนที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้อ้าปากค้าง หาคำแก้ตัวมาลบล้างไม่ทัน แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับคนข้างในแทรกขึ้นมาเร่งพอดี จึงไม่ได้ตอบคำถามเขา
“มัวยืนทำอะไรกันอยู่”
แถมยังทำให้ความระแคะระคายสลายไปกับอากาศ เปลี่ยนสีหน้าพร้อมถ่างตาขึ้นหลีกทางให้เจซี
“เข้าไปเถอะครับ ก่อนที่นายจะโกรธ”
“ฉะ..ฉัน”
“คุณมีปัญหาอะไรไปคุยกับนายเองก็แล้วกัน”
ไม่ตัดบทเปล่า แต่กลับดุนแผ่นหลังหล่อนเข้าไปด้วย หญิงสาวที่อยู่ในสภาวะประหม่า เมื่อจำต้องเดินต่อเพราะเลี่ยงไม่ได้ จึงประคับประคองอาการกลัวนั้นเป็นการบีบมือ แน่นถึงขนาดต้องรู้สึกเจ็บ
ภาพแรกที่เห็นคือเขานั่งหันหลัง อยู่ในสภาพไม่มีเสื้อ รอยสักรูปร่างน่าเกรงขามจึงประจักษ์ขึ้นเต็มสองตา หญิงสาวถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ ในใจเผลอภาวนาอย่าให้เขานั้นหันมา ทว่าเหมือนโชคไม่ช่วย คนตรงหน้าละความสนใจจากการมองจอแท็บแล็ต วางลงบนโต๊ะชั่วคราวเมื่อรู้เธอเดินมาถึง ก่อนจะหันมาหา แน่นอนวินาทีนั้นเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน
เลียมชะงัก ค่อยๆขมวดคิ้วเข้าหากันตามความคิดที่กำลังคืบคลาน ราวกับสัญชาตญาณกำลังกระซิบต่อความทรงจำของเขา
ผู้หญิงตรงหน้า...
“ไม่ใช่..” และส่ายหน้าพึมพำกับตัวเอง ขณะใช้สายตาเย็นชาพินิจพิเคราะห์เจซี “เธอเป็นใคร”
ปกติดวงตาคู่นี้ของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าไม่ค่อยจะแยแสสิ่งใดอยู่แล้ว เมื่อมาเจออะไรเถือกนี้ก็เหมือนจะกระตุ้นความว่างเปล่าเข้าไปใหญ่ เนื่องจากความงง อีกนัยคือใช้ความคิดเกี่ยวกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วย
“เจซีค่ะ..”
หล่อนตอบเสียงสั่น ทว่ากลับไม่กล้าสบตาเขา
“นั่นชื่อเธอหรือ”
กลายเป็นจุดชนวนการสอบสวนโดยใช่เหตุ เธอไม่มีโอกาสได้แม้แต่ก้มหน้างุดหวังหลบตา หลังร่างสูงตรงหน้าเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
“ใช่ค่ะ..”
“ว่าอะไร?”
“คะ?”
“ชื่อเธอ ชื่อว่าอะไร!”
เขาเริ่มต้อนเธอ จากการถามไถ่น้ำเสียงปกติไต่ระดับเป็นเข้ม ก่อนจะจบลงโดยการตะเพิดที่ทำให้ร่างบางทั้งร่างสะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นมองเขาอัตโนมัติ สั่นไปทั้งตัว
“จะ เจซีค่ะ”
ไม่นานการนี้จึงบอกให้รู้ว่าเธอคิดผิด สาวเจ้าไม่ควรสบตากับเขา สายตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยการคาดเดาแบบไร้ทิศทาง ยิ่งสร้างความตื่นเต้นมากทวีคูณก็ตอนเขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เปลี่ยนจากการนั่งพิงพนักเก้าอี้ เป็นการนั่งบนขอบโต๊ะแทน พลางกระดิกนิ้วเรียกเธอ
“มานี่สิ เข้ามาใกล้ๆ”
น่าแปลกที่เจซีเชื่อฟัง ไม่คิดนำนิสัยขี้โวยวายของตัวเองออกมาใช้ แต่เดินเชื่องช้าไปหาเขา แถมปล่อยให้เขากดนิ้วลงไปจนแก้มยู่
“ยังไงก็ไม่ใช่” แล้วสะบัดอย่างแรงจนเธอต้องนิ่วหน้า ค้างอยู่ในท่านั้น “เอาไงดี?”
ใจสั่นสะท้าน มือชาทำอะไรไม่ถูกก็ตอนเขาถาม เป็นน้ำเสียงทุ้มเรียบที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา มันช่างเย็นยะเยือกจนชาไปหมด
“ควรทำยังไงกับคนที่หลอกลวงดี”
“ฉันเปล่านะคะ”
“ร้อนตัวทำไม ยังไม่ได้ถาม”
เลียมขมวดคิ้ว มองเจซีตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ไม่นานปลายสายก็รับ น่าเสียดายที่เสียงสนทนาของเขาเป็นภาษาที่หล่อนฟังไม่เข้าใจ ไม่เช่นนั้นคงจะตกใจกว่านี้ พลางตัดสายทิ้งแล้วมองหน้าเธอ เขามองอยู่นานจนเจ้าตัวขนลุก เริ่มยืนไม่อยู่
“เมื่อคืน เธอไปอยู่ไหนมาเจซี”
“คะ?”
เสียงถามดังแผ่วเบาขณะค่อยๆเดินใกล้เข้ามาหยุดตรงหน้า ระดับขนานกัน มือคู่ล้วงกระเป๋ากางเกง ทว่าไม่นานข้างหนึ่งกลับถูกดึงขึ้นมาขยุ้มเส้นผม ทึ้งไปข้างหลังอย่างแรงจนหน้าหงาย
“เมื่อคืนทำไมไม่เป็นเธอที่อยู่บนเตียง! หึ้!”
“โอ้ย!”
